การจัดการรณรงค์วัคซีนขนาดใหญ่

ในภาพรวม ประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จในการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในวงกว้าง เนื่องจากได้รับความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน โดยมีการจัดบริการทั้งในสถานบริการปกติ และการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน ต่างๆ โดยมอบหมายและกระจายอำนาจการบริหารจัดการให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการวัคซีน ในที่นี้จะกล่าวถึงการพัฒนารูปแบบการรณรงค์วัคซีนขนาดใหญ่ 2 ตัวอย่าง ได้แก่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ และ Hackvax

การรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการรณรงค์ที่ใหญ่ที่สุด ทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความท้าทายเป็นอย่างมากเนื่องจากสถานการณ์มีพลวัตสูง มีการเปลี่ยนแปลงด้านระบาดวิทยาทั้งเรื่องของสายพันธุ์ ข้อมูลของวัคซีนชนิดใหม่ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความท้าทายในเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนที่มีวัคซีนจำนวนไม่เพียงพอ การสื่อสารความเสี่ยงและการจัดการ infodemic

ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ (Central Vaccination Center: Bang Sue)

ความเป็นมา

กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้แก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) ความรุนแรงของปัญหาอยู่ในระดับสูง (Severity) กล่าวคือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 ก่อให้เกิดการติดเชื้อ เจ็บป่วยและการสูญเสียเป็นจำนวนมากจัดเป็นวิกฤตการณ์ และส่งผลกระทบไปทุกด้านและต่อทุกภาคส่วน (2) ปัญหามีขนาดใหญ่มาก (Scale) ทั้งนี้เพราะกลุ่มเป้าหมายซึ่งคือประชากรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีจำนวนถึง 7.7 ล้านคน และที่ผ่านมานั้นพบว่า การดูแลทางด้านสาธารณสุขให้กับประชากรกลุ่มนี้จะเป็นไปในลักษณะที่ประชาชนต้องพึ่งตนเอง ใช้บริการภาคเอกชนเป็นหลัก และไม่มีเจ้าภาพเชิงระบบที่ชัดเจนในการดูแลเหมือนประชาชนในต่างจังหวัด ซึ่งระบบบริการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญ ตลอดจนการมีประชากรแฝงอีก 2.9 ล้านคน รวมเป็นจำนวนประชากรถึง10.6 ล้านคน ซึ่งทำให้ปัญหายิ่งขยายขนาดและความซับซ้อนมากขึ้น (3) ความรีบเร่งรวดเร็วของวิกฤตการณ์ (Speed) นี้ตลอดจนความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างทันทีทันใด เพื่อลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด (4) ทักษะต่างๆ ที่ต้องการในการแก้ปัญหา (Skills) การดำเนินการศูนย์วัคซีนขนาดใหญ่นั้น ต้องใช้ทักษะที่จำเป็นและหลากหลายมาช่วยในการดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

ลักษณะการดำเนินงานของศูนย์

เป็นรูปแบบการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน มีองค์กรต่างๆ มาร่วมสนับสนุน 251 องค์กร โดยมีรูปแบบความร่วมมือตั้งแต่ระดับการให้ข้อมูลข่าวสาร การปรึกษาหารือ การเข้ามามีบทบาท และให้ความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมประเมินและติดตามผล ร่วมสนับสนุนงบประมาณ ตลอดจนร่วมแก้ไขปัญหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 15,000 ตารางเมตร และสามารถขยายได้ถึง 20,000 ตารางเมตร โดยแบ่งการจัดสรรพื้นที่ทั้งหมดเป็น 2 ส่วน คือ บริเวณชั้น 1 ประกอบไปด้วย 4 โซน ได้แก่ 1) จุดคัดกรอง 2) จุดลงทะเบียน 3) จุดฉีดวัคซีน และ 4) จุดสังเกตอาการและปฐมพยาบาล ไม่ว่าประชาชนจะเดินเข้าประตูใด จะพบการจัดแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน และมีขั้นตอนแบบเดียวกันทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีการดูแลเรื่องความสะอาดและการป้องกันควบคุมโรค มีการแยกขยะติดเชื้อ พร้อมทั้งมีบริษัทขยะรับไปเผาทำลาย และมีการดูแลรักษาความสะอาดโดยมีแม่บ้านประจำจุด และมีหุ่นยนต์ UV คอยฆ่าเชื้อตามจุดต่าง ๆ 

การจัดระบบบริการ

การจัดระบบบริการเริ่มตั้งแต่การจองคิว โดยแบ่งการจองคิวเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ 1) จองผ่านองค์กร โดยองค์กรต่าง ๆ สามารถทำหนังสือถึงกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นรายชื่อจะถูกส่งไปยังกรมการแพทย์ เพื่อทำการลงทะเบียนให้ล่วงหน้า และ 2) การจองคิวผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ในเครือข่ายต่าง ๆ (DTAC AIS TRUE และ NT) จะเป็นการจองสำหรับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 3 ส่วนในกรณี walk in มีการจองเพียงช่วงเดียวในเดือนกรกฎาคม และจากนั้นไม่มีกรณี walk in อีกเลย (ในทางปฏิบัติ หากมีประชาชน walk in เข้ามารับบริการทางศูนย์ฯ ไม่ได้ปฏิเสธ แต่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่ลงทะเบียนมาก่อน) 3.1.2.3 การบริหารจัดการวัคซีน

ในแต่ละวันศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อให้บริการแก่ประชาชนเฉลี่ยวันละ 16,420โดส โดยมีกระบวนการจัดการแบบระบบ Refill ซึ่งในวันแรกกรมควบคุมโรคจัดส่งวัคซีนมาให้ก่อนจำนวน 20,000 โดส และหลังจากนั้นเมื่อมีการใช้วัคซีนไปจำนวนเท่าใด เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ จะประสานงานแจ้งยอดกับกรมควบคุมโรค เพื่อให้จัดส่งวัคซีนมาให้ทุกวันตามปริมาณที่ใช้ไป

การจัดการบุคลากร

ในระยะแรกมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์และไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ (แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร) มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด โดยมีการจัดกำลังคนจากสถาบันโรคผิวหนัง โรงพยาบาล และสถาบันในสังกัดกรมการแพทย์ สถาบันพระบรมราชชนก และบุคลากรทางการแพทย์จิตอาสาจากแหล่งอื่น ๆ ส่วนอื่นเป็นบุคลากรฝ่ายสนับสนุน และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทหาร ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และจิตอาสา ภาคประชาชน มีบุคลากรมาช่วยปฏิบัติงานวันละประมาณ 400-600 คน โดยที่ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อมีการจัดรถรับส่ง จากสถาบันโรคผิวหนังมาที่ศูนย์ฯ และจัดหาอาหาร พร้อมน้ำดื่ม วันละ 2 มื้อ (วันละ 800 – 1,200 กล่อง) ซึ่งอาหารเหล่านี้มีการจัดตารางว่าแต่ละวันต้องการรับบริจาคจำนวนเท่าใด และอาหารทั้งหมด เป็นอาหารที่จัดซื้อประมาณร้อยละ 50 และมาจากการบริจาคของหน่วยงานต่าง ๆ อีกร้อยละ 50  

ผลการดำเนินงาน

ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ถึง 8 พฤศจิกายน 2564 เป็นจำนวน 169 วัน มียอดการฉีดวัคซีนสะสม 2,775,064 โดส โดยเฉลี่ยมีการฉีดวัคซีน 16,420 โดสต่อวัน สามารถจำแนกการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,479,300 โดส คิดเป็นร้อยละ 53 เข็มที่ 2 จำนวน 1,074,156 โดส คิดเป็นร้อยละ 39 และเข็มที่ 3 จำนวน 221,608 โดส คิดเป็นร้อยละ 8 หากพิจารณาตามชนิดของวัคซีนพบว่ามีการฉีดวัคซีน AstraZeneca จำนวน 2,285,978 โดส Sinovac 470,104 โดส และ Pfizer ในกลุ่มนักเรียน 18,982 โดส

ความพึงพอใจของผู้รับบริการ

ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อได้ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของผู้มารับบริการฉีดวัคซีนของผู้รับบริการ เพื่อนำไปสู่การปรับรุงการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ด้านความสะดวกในการให้บริการ ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำ ให้ข้อมูลชัดเจนขั้นตอนการให้บริการเป็นไปตามลำดับ และมีความรวดเร็วไม่ซับซ้อนยุ่งยาก 2. ด้านบุคลากร และ 3. ด้านอาคารสถานที่ และการอำนวยความสะดวก โดยมีการกำหนดความพึงพอใจเป็นระดับ มาก ปานกลาง และน้อย โดยดำเนินการสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับบริการฉีดวัคซีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณ จุดสังเกตอาการหลังได้รับการฉีดวัคซีนจำนวน 300 คน ผลการสำรวจพบว่า ผู้รับบริการมีความพึงพอใจมาก ร้อยละ 87.30 พึงพอใจปานกลาง ร้อยละ 12.00 และพึงพอใจน้อย ร้อยละ 0.73 โดยประเด็นที่ผู้รับบริการพึงพอใจมากเป็นอันดับ 1 คือ การให้บริการมีความสะดวกรวดเร็วไม่ซับซ้อนยุ่งยาก พึงพอใจมากเป็นอันดับ 2คือ มีการนัดหมายที่ชัดเจน และ พึงพอใจมากเป็นอันดับ 3 คือ การให้บริการเป็นไปตามลำดับก่อน-หลังเป็นขั้นตอน ไม่ลัดคิว และ อาคารสถานที่มีป้ายและเครื่องหมายคำแนะนำจุดต่าง ๆ ชัดเจน 

การพัฒนานโยบายการเข้าถึงวัคซีนของคนไทย

กรอบเวลาแสดงภาพรวมของการระบาดและการดำเนินงานสำคัญในระดับนานาชาติและในประเทศไทย ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 มีรายงานการระบาดในสาธารณรัฐประชาชนจีนและต่อมามีการประชุม IHR Emergency Committee ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563 และองค์การอนามัยโลกประกาศว่าการระบาดของโควิด 19 เป็น Public Health Emergency of International Concerns (PHEIC) ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

แนวทางการเข้าถึงวัคซีนของคนไทย

แนวทางการเข้าถึงวัคซีนของคนไทย ประกอบไปด้วย 1. การวิจัยและพัฒนา 2. การถ่ายทอดเทคโนโลยี และ 3. การจัดซื้อจัดหาวัคซีน

การวัดประสิทธิผลของวัคซีนในสถานการณ์จริง

ในสถานการณ์ปกติทั่วไป ประเทศไทยมีการติดตามประสิทธิผลวัคซีนในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลการดำเนินงาน โดยจะออกแบบการศึกษาแบบไปข้างหน้าในภาคสนาม เพื่อประเมินประสิทธิผล ซึ่งการประเมินเหล่านี้ดำเนินการและวางแผนอย่างเป็นระบบได้ง่ายเนื่องจากเป็นการดำเนินการตามระบบปกติที่บริบทมีความคงตัว ซึ่งต่างจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ที่มีพลวัตสูง

การวิจัยเพื่อปรับสูตร ตารางการให้วัคซีน และวิธีการให้วัคซีน

รอข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวิจัยวัคซีนสูตรไขว้