26/06/2024
สถานการณ์แตกต่างจากช่วงปกติอย่างไร
เราเป็นพยาบาลและเป็นหัวหน้า ICN (การป้องกันและการควบคุมโรคติดเชื้อ) โดยเมื่อมีสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นในปี 2563 เราก็ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในเรื่องของการดูแลโควิด ซึ่งเราได้รับผิดชอบทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและชุมชน ในสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นช่วงแรก ๆ ชาวบ้านในชุมชนมีความตื่นตระหนก กลัว และระแวง เนื่องจากไม่รู้ว่าโรคโควิดจะมีความร้ายแรงแค่ไหน ทางโรงพยาบาลที่เราทำงานจึงได้ร่วมกับงานระบาดเพื่อออกให้ความรู้กับคนในชุมชนก่อน ซึ่งในช่วงแรกอำเภอที่เราทำงานอยู่ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ก็ยังไม่เจอกับการระบาดมากนัก แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังคนที่มาจากต่างจังหวัดที่อาจมีความเสี่ยงสูง อาทิ กรุงเทพมหานคร โดยทางชุมชนจะมีการตั้งด่านตรวจ คัดกรอง ซึ่งหากเสี่ยงสูงก็จะส่งมาทางโรงพยาบาลให้ทำการ Swab นอกจากนี้ทางอำเภอก็จะช่วยลงในส่วนของเรื่องคำสั่ง เรื่องของระเบียบ และเรื่องกฎหมาย
ช่วงเวลาของเรื่องที่เล่า
ตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2563 - 2564
มีใคร/หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องบ้าง (เช่น ใครให้ความช่วยเหลือ ไปรับบริการจากใคร ฯลฯ)
พอมีสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นทุกหน่วยงานในโรงพยาบาล รวมถึงชุมชนได้มีการเข้ามาช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขอำเภอ โรงบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่เทศบาล ฝ่ายปกครอง และฝ่ายสาธารณสุขเขาจะช่วยกันหมด ร่วมกันวางแผน เช่น ถ้าโรงพยาบาลสนามของจังหวัดเต็มก็ต้องเปิด CI ในส่วนของชุมชน ซึ่งก็ต้องมีการร่วมด้วยช่วยกันทั้งอปภร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ที่ต้องมาช่วยกันในเรื่องของการเปิด CI รวมถึงหาวัสดุอุปกรณ์มาช่วยกัน นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานเอกชนที่อยู่ในอำเภอและนอกอำเภอที่เมื่อรู้ว่าทางโรงพยาบาลมีการรับคนไข้โควิด ก็จะมาบริจาค PPE หน้ากาก และเวชภัณฑ์ เป็นต้น ทางโรงพยาบาลที่เราทำงานอยู่ยังได้รับ High Flow มาจากโรงพยาบาลนครพิง จากส่วนกลาง เพื่อมาดูแลคนไข้ที่อาการหนักขึ้นอีกด้วย
เรื่องเล่าตามความประทับใจ/ยากลำบาก
มีความประทับใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น และมองว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ทำงานเกี่ยวกับโรคใหม่ ๆ ซึ่งมีความรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา ให้วางระบบและบริหารจัดการในส่วนนี้ โดยจะมีแพทย์คอยให้คำปรึกษาและร่วมด้วยช่วยกันด้วย รวมทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลก็ได้รับกำลังใจ และได้ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทุกส่วน มาทำงานช่วยกันหมด หรือเป็นการทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อสนับสนุนการทำงานของกันและกันให้ผ่านวิกฤตไปได้ อย่างเช่น หน่วยงานพัสดุก็จะบริหารจัดการเครื่องมืออุปกรณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งรับบริจาค และแจกจ่ายของให้เพียงพอพร้อมใช้ รวมถึงหาอุปกรณ์เพิ่มเรื่อย ๆ ส่วนการเงินบัญชีก็จะมาช่วยเรื่องของการทำ DIY ในอุปกรณ์ป้องกันที่เมีไม่เพียงพอ เช่น เฟสชิว
สิ่งที่ได้เรียนรู้
ได้เรียนรู้ในเรื่องของความร่วมมือ ซึ่งกล่าวว่าถ้างานครั้งนั้นไม่ได้รับความสนใจ เอาใจใส่ หรือว่าความช่วยเหลือจากชุมชนและเอกชน องค์กรหรือทีมบุคลากรก็คงจะรับมือไม่ไหวเนื่องจากต้องตั้งรับ ซึ่งเชิงรุกก็ทำได้เพียงแค่การให้ความรู้ แต่ประชาชนจะตระหนักหรือให้ความร่วมมือหรือเปล่ามันเป็นก็ความลำบาก ดังนั้นก่อนที่จะขอความร่วมมือจากประชาชน จึงจำเป็นต้องมีการประชุม ชี้แจงให้เขาได้เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นห้างร้าน ผับบาร์ คาราโอเกะ ร้านตัดผม ที่อยู่ในชุมชน เพื่อมาทำความเข้าใจก่อน ซึ่งก็ประทับใจมากที่ไม่ว่าจะขอความร่วมมืออะไรไป หรือประกาศอะไรไป ก็ค่อนข้างจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี