ข้าราชการเล่าเรื่องการติดเขื้อหมู่ในสำนักงาน และการบริหารจัดการในมาตรการต่าง ๆ รวมถึง WFH

27/06/2024

ข้อคิด “คิดว่าตัวเองคงไม่พ้นที่จะรับเชื้อ จึงได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้าพอสมควร”

สถานการณ์แตกต่างจากช่วงปกติอย่างไร 

สถานการณ์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการทำงานก่อให้เกิดความยากลำบาก ในช่วงนั้นที่ทำงานจะตรวจอาทิตย์ละครั้ง แต่พอตรวจเรื่อย ๆ คนที่ทำงานก็ติดเรื่อย ๆ เช่นกัน โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองคงไม่พ้นที่จะรับเชื้อจึงได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้าพอสมควร สรุปเราก็ติดโควิดจริง ๆ ประกอบกับเราไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวได้เพราะเกรงว่าจะนำเชื้อโควิดไปติดครอบครัว ซึ่งเราก็เป็นห่วงพ่อกับแม่และเขาก็อายุเยอะแล้วทำให้ตอนนั้นต้องห่างจากครอบครัว 

ช่วงเวลาของเรื่องที่เล่า 

ในช่วงที่โควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนเริ่มระบาดหนัก ๆ ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 

มีใคร/หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องบ้าง (เช่น ใครให้ความช่วยเหลือ ไปรับบริการจากใคร ฯลฯ) 

โรงพยาบาลพระมงกุฎ ที่ดูแลรักษาทุกขั้นตอนตั้งแต่การตรวจเอ็กเรย์ พบแพทย์ และรับยากลับบ้าน เนื่องจากได้รับการรักษาแบบ Home Isolation (เจอ จ่าย จบ) 

เรื่องเล่าตามความประทับใจ/ยากลำบาก 

เราผู้ที่ติดโควิด 19 ในสถานที่ทำงาน โดยอาการค่อนข้างมากแต่ไม่มีอันตราย ทั้งที่มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดซึ่งจะตรวจอาทิตย์ละครั้ง แต่การอยู่รวมกันในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศและทานข้าวในห้องทำงานเดียวกัน ทำให้เกิดการแพร่เชื้อและหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่ได้รับเชื้อ ซึ่งเราติดคนแรกเพราะมีอาการออก แต่สรุปว่าเพื่อนร่วมงานก็ติดด้วย ในห้องมีสิบกว่าคนติดเชื้อพร้อม ๆ กันแปดคน แต่หน่วยงานมีระบบการดูแลที่ค่อนข้างดีเพราะช่วงนั้นมีการติดเชื้อกันตลอดแบบกลุ่มก้อนหลาย ๆ ครั้ง มีการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเพื่อรักษาผ่านระบบ Home Isolation ตอนนั้นที่เรารักษาก็ได้มีโอกาสเข้ากลุ่มไลน์ก็ต้องรายงานในกลุ่ม Line ว่ามีอาการอะไรและสามารถแจ้งขอคำปรึกษาได้ทันที ซึ่งในกลุ่มนั้นมีประมาณ 400 คน ทั้งผู้ป่วยโควิด แพทย์ และพยาบาล ทำให้เรารู้สึกดีและอุ่นใจแม้จะต้องกักตัวอยู่คนเดียวเพราะคนที่อยู่ในกลุ่มก็ช่วยเหลือและแนะนำซึ่งกันและกัน เราก็เข้ารับการรักษาครบ 10 วัน แต่หลังจากนั้นทางหน่วยงานยังเข้มงวดอยู่ ยังไม่ให้ไปทำงานจนกว่าจะหายดี และให้หยุดสังเกตอาการต่ออีก 7 วัน และเราไปตรวจอีกครั้งก็ยังพบเชื้อแต่เป็นเชื้อตาย หน่วยงานก็ให้หยุดต่ออีก 7 วัน เพราะตอนนั้นเชื้อยังมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้เราหยุดเกือบ ๆ 1 เดือน แต่ช่วงที่เราหยุดเราก็ทำงานแบบ Work from home ควบคู่ ประกอบกับในตอนนั้นช่วงหลังปีใหม่บอกที่บ้านไว้แล้วว่าจะไม่กลับบ้านเลย เพราะเกรงว่าจะเอาเชื้อไปติดคนที่บ้านจนในที่สุดเราก็ติดเชื้อจริง ๆ ช่วงก่อนสงกรานต์ปีที่แล้ว ทำให้กว่าเราจะกลับบ้านได้ก็หลังติดเชื้อโควิดประมาณ 3 เดือนกว่า ๆ และปัจจุบันเราก็กลับมาทำงานตามปกติแต่ก็มีการระมัดระวังตัวรวมด้วย 

สิ่งที่ได้เรียนรู้ 

ได้เห็นความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่หาโรงพยาบาลในการรักษาโรคโควิด 19 ให้ เห็นความช่วยเหลือจากผู้ป่วยด้วยกันเองในกลุ่ม Line ที่คอยแนะนำและช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ประกอบกับเราได้ให้ความสำคัญและความห่วงใยกับคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากครอบครัวมีผู้สูงอายุหากมีการรับเชื้อก็อาจจะอาการหนักกว่าคนทั่วไป ทำให้เราเลือกที่จะไม่กลับบ้านและรอทุกอย่างดีขึ้นก่อน ซึ่งตอนที่เรากลับบ้านก็จะระวังตัวมากไม่สัมผัสกับคนที่บ้านและไม่ทานอะไรร่วมกัน และใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกมาจากห้องหรือเวลาที่ต้องทำอะไรในบ้าน ทำให้คนในครอบครัวที่บ้านจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครติดเชื้อ แต่พอหลัง ๆ มาก็เริ่มใช้ชีวิตปกติ ประมาณว่าถ้าเราคาดการณ์และดูแลตัวเองให้ดีก็ช่วยลดการติดเชื้อภายในครอบครัวได้ 

พยาบาลร่วมจัดตั้งศูนย์พักคอยส่งแรงงานชาวลาวกลับบ้าน

ส่งแรงงานชาวลาวกลับบ้าน แรงงานชาวลาว ศูนย์พักคอย

ประชาชนชุมชนมุสลิมในจังหวัดสตูล ได้เล่าการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือชุมชน และร่วมมือกับ ThaiCare

อาสาสมัครชุมชน จิตอาสาของไทยแคร์ ชุมชนบ้านวังพะเนียด

นักการทูตไทย ประจำไต้หวัน พาคนไทยกลับบ้าน

สถานทูตไทยในไต้หวัน แรงงานไทย พาคนไทยกลับบ้านเกิด